Taifudo Academy

บทที่ 3 มวยสากล มวยหมัดและการฟุตเวิร์ค

เส้นทางฝึกยุทธเพิ่งเริ่มต้น วันที่ชัยซึ่งขณะนั้นฝึกมวยสากลกับพี่อ๊อด ต่อยผมแล้วผมก็จับชัยทุ่ม ทำให้ชัยตามมาฝึกยูโดด้วย ส่วนผมตัดสินใจจะฝึกมวยสากลควบคู่กับฝึกยูโดไปด้วยเช่นกัน ชัยและผมแค่สองคนที่ฝึกทั้งยูโด และ มวยสากล ในเวลานั้น โดยมีพี่อ๊อดเป็นครูสอนทั้งสองอย่าง การฝึกมวยสากลของผมก็ต้องปิดบังไม่ให้แม่รู้อีกเหมือนเดิม

หัวข้อ

มวยสากล (Boxing) คืออะไร?

มวยสากล เป็นศิลปะการต่อสู้ที่มีมาแต่โบราณ โดยเป็นการต่อสู้ด้วยมือเปล่าของทหารในสนามรบ และกลายเป็นเกมกีฬาในการแข่งขันโอลิมปิกยุคโบราณ โดยที่นักมวยในยุคนั้นไม่มีการจำกัดน้ำหนักไม่สวมเครื่องป้องกันตัว และไม่จำกัดว่าต้องใช้ได้เพียงหมัด สามารถกัดหรือถองคู่ต่อสู้ได้โดยไม่มีกติกามากนัก เพียงแต่นักมวยทั้งคู่ต้องถอดเสื้อผ้าให้หมดทั้งตัวเพื่อไม่ให้ซ่อนอาวุธเอาไว้ จนกระทั่งในปี พ.ศ.2236 เจมส์ ฟิกซ์ (James Figg) ผู้ชนะเลิศการต่อสู้ด้วยมือเปล่าชาวอังกฤษได้กำหนดกฎกติกาในการชกจนได้รับการเรียกขานว่าเป็น “บิดาแห่งมวยสากล” และต่อมาก็ได้มีผู้สร้างนวมขึ้นมาแต่ยังไม่มีการใช้จนกระทั่งในปี พ.ศ.2432 จอห์น แอล ซัลลิแวน (John L.Sulrivan) ผู้ชนะเลิศการชิงแชมป์มวยด้วยมือเปล่าประกาศว่า จะไม่ขอขึ้นชกด้วยมือเปล่าอีกต่อไป เป็นจุดเริ่มต้นของการชกด้วยการสวมนวม และได้พัฒนาจนมาเป็นเกมกีฬาที่มีกติกาชัดเจนเช่นในปัจจุบัน

โผน กิ่งเพชร แชมป์โลกชาวไทยคนแรกในประวัติศาสตร์ โผนเป็นนักมวยรูปร่างผอมบาง มีช่วงขาที่ยาว ถนัดขวา และเป็นแชมป์โลกชาวไทยคนแรกที่ได้ครองแชมป์โลกถึง 3 สมัย แต่ด้วยปัญหาส่วนตัว ทำให้โผนติดสุราจนการชกตกต่ำลง จนเสียแชมป์ไป และไม่มีโอกาสชิงแชมป์คืนได้อีก โผนถือเป็นตำนานของวงการมวยสากลคนหนึ่งของไทย วันที่โผนชิงแชมป์โลกได้ถูกกำหนดให้เป็นวันนักกีฬาไทย และมีการสร้างอนุสรณ์สถานของโผนที่หัวหินหลังจากที่โผนเสียชีวิตไปแล้ว 35 ปี

การฝึกใช้หมัดใน “มวยสากล (Boxing)”

หมัดแย็บซ้าย

ใช้เป็นหมัดนำ หรือชิงชก หรือชกรบกวนใช้สกัดการบุกรุกของคู่ต่อสู้ หมัดแย็บซ้ายฝึกพุ่งหมัดซ้ายไปข้างหน้าให้ตรงที่สุดไปยังเป้าที่ต้องการ คว่ำหมัดเล็กน้อยให้สันหมัดโดนเป้า โน้มตัวไปข้างหน้าพร้อมทั้งแรงส่งที่เกิดจาก ไหล่ สะโพก และขาพร้อมทั้งสืบเท้าหน้าไปเล็กน้อยมือขวาแนบแก้มอยู่ตลอดเวลาศอกขวาแนบลำตัว

หมัดแย็บขวา

ใช้เป็นหมัดนำ หรือชิงชก หรือชกรบกวนใช้สกัดการบุกรุกของคู่ต่อสู้ หมัดแย็บขวาฝึกพุ่งหมัดขวาไปข้างหน้าให้ตรงที่สุดไปยังเป้าที่ต้องการ คว่ำหมัดเล็กน้อยให้สันหมัดโดนเป้า โน้มตัวไปข้างหน้าพร้อมทั้งแรงส่งที่เกิดจาก ไหล่ สะโพก และขาพร้อมทั้งสืบเท้าหน้าไปเล็กน้อย มือซ้ายแนบแก้มอยู่ตลอดเวลาศอกซ้ายแนบลำตัว

หมัดตรงขวา

คว่ำหมัดพุ่งตรงออกไปอย่างเร็วด้วยแรงส่งของการบิดตัว และการทิ้งไหล่ นอกจากนั้นยังจะมีแรงส่งจากหลัง และสะโพกอีกด้วย ขณะที่ชกหมัดขวาตรงไป หมัดซ้ายจะต้องยก อยู่ระดับเดิมจะตกไม่ได้จะถูกหรือผิด ก็ตาม เมื่อชกไปสุดหมัดแล้วจะต้องชักหมัดกลับสู่ท่าเดิมทันที

หมัดตรงซ้าย

คว่ำหมัดพุ่งตรงออกไปอย่างเร็วด้วยแรงส่งของการบิดตัว และการทิ้งไหล่ นอกจากนั้นยังจะมีแรงส่งจากหลัง และสะโพกอีกด้วย ขณะที่ชกหมัดซ้ายตรงไป หมัดขวาจะต้องยกอยู่ระดับเดิมจะตกไม่ได้จะถูกหรือผิดก็ตาม เมื่อชกไปสุดหมัดแล้วจะต้องชักหมัดกลับสู่ท่าเดิมทันที

หมัดอัปเปอคัต (Uppercut)

หรือหมัดเสยขึ้น หมัดนี้เป็นหมัดที่สามารถน็อคเอาท์คู่ต่อสู้ ได้ดีอีกหมัดหนึ่งเพราะบริเวณเป้าหมายที่ชกมักจะเป็นชายคางหรือลำตัว จากท่าคุมย่อลำตัวลงเล็กน้อย หงายหมัดที่จะใช้ชก กระตุ้นขึ้นพร้อมทั้งยืดลำตัว ขณะชกอาจสืบเท้าเข้าประชิดคู่ต่อสู้ได้ด้วยก็จะช่วยให้ถูกเป้าหมายยิ่งขึ้น บิดลำตัวเล็กน้อย

หมัดฮุค (Hook)

หมัดฮุคเป็นหมัดที่อันตราย นักมวยที่มีหมัดฮุคดีๆ มักจะน็อคเอาท์คู่ต่อสู้ได้บ่อยๆ เพราะเป้าหมายของหมัดฮุคมักจะอยู่ในบริเวณขากรรไกรหรือปลายคาง การฝึกหมัดฮุคให้บิดแขนให้ข้อศอกฉากขนานกับพื้นกระตุกหัวไหล่ บิดลำตัวซ้ายเพิ่มน้ำหนักเมื่อชกไปแล้วหมัดต้องไม่เลยหน้าของตนเอง ถ้าฮุคซ้ายอาจก้าวเท้าขวาไปข้างขวาเล็กน้อยเพื่อเพิ่มน้ำหนักหมัด

ฟุตเวิร์ค (Footwork)

คือการฝึกก้าวขาก้าวย่างไปมา ฝึกเคลื่อนไหวสั้นๆแต่เร็ว และยืดหยุ่น ทั้งนี้เพื่อให้รุก และหลบคู่ต่อสู้ได้หลากหลายรูปแบบ ในมวยสากลฟุตเวิร์คเคลื่อนเป็นวงกลม และเท้าด้านหนึ่งอยู่ด้านหน้า และหลังจะทำให้ออกแรงหมัดได้แรง และมีสมดุลที่ดี

การฝึกซ้อม “มวยสากล” ของผม

ตอนนั้นผมเสริมด้วยการกระโดดเชือก (Jump Rope) เพื่อให้ร่างกายเรียนรู้จังหวะการเคลื่อนไหวได้อย่างดี การกระโดดเชือกยังช่วยเสริมกล้ามเนื้อแขน และไหล่ ซึ่งช่วยให้ต่อยได้แรงขึ้น ผมกระโดดเชือกต่อเนื่องครั้งละชั่วโมงครึ่ง ผมและชัย จะเข้าคู่ซ้อมลงนวมด้วยกันเสมอ เราใช้นวม 16 ออนซ์ ตอนซ้อมเรากัดกรามไม่ใส่ฟันยาง ผมโดนชกจนดั้งจมูกเบี้ยวเล็กน้อย เพราะไม่สวมเฮดการ์ดตอนฝึกซ้อม

ผมฝึกทั้งยูโดและมวยสากลตั้งแต่เรียน ม.4 จนจบ ม.6 แล้วผมก็ไปเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัยที่กรุงเทพฯ ที่มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยผมได้เข้าเรียนบริหารธุรกิจ กรุงเทพฯเมื่อเริ่มเข้ามาเรียน และปรับตัวกับชีวิตประจำวันได้แล้ว ผมรู้สึกอยากฝึกมวยอย่างอื่นเพิ่มผมเห็นกลุ่มของผู้ฝึกคาราเต้ที่ฝึกซ้อมกัน ณ ลานหอประชุมของมหาวิทยาลัยฯ ผมจึงมานั่งสังเกตการณ์ดูการฝึกคาราเต้ทุกเย็นอยู่ราว 1 อาทิตย์

จนกระทั่งมีรุ่นพี่คนหนึ่งเดินมานั่งคุยกับผม “สนใจฝึกมั้ย หากสนใจให้ขึ้นไปสมัครที่ห้องชมรมคาราเต้แล้วมาฝึกด้วยกัน” ผมจึงไปกรอกใบสมัคร และได้เข้าร่วมฝึกซ้อมคาราเต้แทนการนั่งดู ผมฝึกไปเกือบครึ่งเดือน รุ่นพี่คนเดิมถามผมว่า “มวยสากลเป็นยังไงต่างกับคาราเต้มั้ย อยากขอลองเล่นด้วยหน่อย” ผมคิดในใจว่ารุ่นพี่คงได้อ่านในใบสมัครผมแล้วว่าเคยฝึกอะไรมาบ้าง ผมตอบกลับไปว่า “อย่าเล่นเลยพี่ หมัดมันคนละแบบกัน” “เล่นหน่อยนะพี่อยากรู้ว่ามันต่างกันยังไงเล่นสนุกๆ กันนะ” ทั้งน้ำเสียง และอาการของรุ่นพี่แสดงออกว่าอยากรู้ว่ามวยสากลเล่นแบบไหนไม่ได้ต้องการท้าตีท้าต่อย ผมและรุ่นพี่จึงมายืนเข้าคู่กันตามคำขอ รุ่นพี่ปล่อยหมัดตรงคาราเต้อย่างเร็ว และแรงเพื่อเข้าโจมตีอยู่สักพักนึง ผมก็เคลื่อนตัวหลบเมื่อได้จังหวะที่แกปล่อยหมัดตรงขวา ผมฉากขาซ้ายโยกตัวหลบหมัดตรงแล้วปล่อยหมัดซ้ายเข้าที่แก้มด้านขวาใกล้ปาก จนปากรุ่นพี่แตกจึงหยุดเล่นกันไป แล้วเราก็ฝึกคาราเต้กันต่อ

ผมฝึกยูโดฝึกทุ่มแต่กลับโดนต่อย ผมจึงฝึกหมัดจากมวยสากลเพิ่ม และจากนี้ไปผมกำลังฝึกคาราเต้เพื่อมาเสริมทักษะที่ผมยังขาดอยู่ ผมไม่ได้ต้องการนำยูโดหรือมวยสากลที่เคยฝึกมาเปรียบกับมวยคาราเต้ว่าวิชาไหนดี กว่ากัน ผมมาเพื่อฝึกคาราเต้ ผมทำตัวเหมือนแก้วเปล่าที่พร้อมจะรับน้ำที่เติมลงมา รับวิชาใหม่ๆ และสนุกกับการฝึกเพราะชีวิตคือการเรียนรู้เส้นทางการฝึกยุทธยังอีกยาวไกล