กังฟูของ ตัง ฟัง (Tang Fung) ลูกศิษย์คนหนึ่งของ หวง เฟย หง (Wong Fei-hung) หวงเฟยหง ผู้ก่อตั้ง มวย ฮุงกา และเป็นหนึ่งในนักกังฟู ผู้กลายเป็นตำนาน ความเป็นที่นิยมด้วยเอกลักษณ์วิชามวยของเขา และบุคลิกภาพของเขา ได้ถูกถ่ายทอดเป็นเรื่องราวมากมายลงในแผ่นฟิล์ม ทั้งจอเงินและจอแก้ว
จอมยุทธ์ผู้กล้าน้อยคนนักในประวัติศาสตร์จีนที่จะเป็นที่ประทับใจและจดจำในใจของผู้คน เช่น หวงเฟย หง
หวง เฟย หง ไม่เพียงเป็นผู้ก่อตั้งมวย ฮุงกา ที่เป็นตำนาน แต่ยังคงเป็นนักสมุนไพร ครูและผู้สืบทอดจากบิดา หวง ฉี อิง ผู้ซึ่งได้รับการขนานนามว่าเป็น 1 ใน 10 พยัคฆ์กวางตุ้ง ลูกศิษย์คนหนึ่ง ที่โด่งดัง ของหวง เฟย หง คือ Lam Sai wing ซึ่งเป็นผู้มีศรีษะล้าน ค่อนข้างอ้วนแต่บุคลิกภาพสะดุดตา อดีตเคยเป็นพ่อค้าขายหมู ปัจจัยหลักที่ทำให้ Lam Sai Wing โด่งดังนั้น คือการที่เขาได้เขียนหนงสือ 3 เล่ม เกี่ยวกับ ฮุงกา ดังนี้
- Gung Gee Fook Fu Kuen
- Fu Hok Seung Ying (มวยพยัคฆ์กระเรียน)
- Tit Sin Kuen (มวยแส้เหล็ก)
ซึ่งเป็นครั้งแรกที่มวย Hung Gar ได้เผยแพร่ สู่สายตาคนทั่วไป Lam Sai Wing ใช้โอกาสนี้ ในการเผยแพร่ ฮุงกา ในรูปแบบของ Lam Sai Wing ไปทั่วประเทศจีน ฮ่องกง และทวีปอื่นๆ
ที่กล่าวว่า Hung Gar ในแบบของ Lam Sai Wing นั้น เพราะในสหรัฐอเมริกา น้อยคนนักที่จะรู้จักลูกศิษย์คนอื่นๆ ของ หวง เฟย หง Lum Jo หลานของ Lam Sai wing ได้สอนอาจารย์ มวยมากมายอาทิ bucksam Kong,Y.C. Wong อีกทั้งบุคลิกที่ไม่เหมือนใครของ Lam Sai Wing นั้นปรากฏอยู่ในหนังทำให้ทุกคนจำได้
อย่างไรก็ตามลูกศิษย์คนอื่นๆ ของหวงเฟยหง ก็มีการบันทึกไว้เช่นกัน อาทิ Liang Foon ที่ได้รับการกล่าวถึงว่าแข็งแกร่ง และมีพละกำลังมาก โดยการนั่งม้าของเขานั้นทำให้พื้นที่เหยียบมีรอยแตกเลยทีเดียว และลูกศิษย์หลักอีกคนก็คือ Tang Fung
Tang Fung เป็นคนที่อายุยืนยาว มีชื่อเล่นว่า Lo Wan Ku หากแปลตรงตัวจะหมายถึง คนที่ค่อนข้างดื้อ ออกจะเป็นแนวอนุรักษ์นิยม ไม่ยอมเปลี่ยนแปลง เขาเคยกล่าวไว้ว่า “จะสอนเฉพาะสิ่งที่อาจารย์หวง ได้ถ่ายทอดมาเท่านั้น” และปฏิเสธที่จะเพิ่มเติมหรือลดทอน ฮุงกา ที่ได้รับการถ่ายทอดมา กล่าวคือ อนุรักษ์ไว้ซึ่งวิชาดั้งเดิมของ หวง เฟย หง ไม่ยอมเปลี่ยนแปลง
ในยุค ก๊ก มิน ตั๋ง ช่วงศตวรรษที่ 19 Tang Fung และน้องชาย ได้เปิดโรงเรียนที่ Canton เรียกว่า “Yee Yung Tong” หรือ หอเกียรติยศแห่งผู้กล้า กิจการเป็นไปได้ด้วยดีแต่ในช่วงสงคราม Sino-Japanese War ญี่ปุ่นได้เข้ายึดครองจีน ทำให้โรงฝึกมวยต้องสงสัยว่าเป็นกบฏ ทำให้ Tang Fung ต้องหนีออกจากจีน
Tang Fung ตัดสินใจ เดินทางมาพบกับ Lam Sai Wing ซึ่งขณะนั้นเปิดสอนอยู่ที่ฮ่องกง ภายในเวลาอันสั้น Tang Fung ได้เรียนเพิ่มเติมจาก Lam Sai Wing ซึ่งได้สืบทอดวิชาทั้งหมดของ อาจารย์หวง เฟย หง ซึ่งเหตุนี้เองทำให้เกิดความสับสนในหมู่ลูกศิษย์ ของ Lam Sai Wingถึงศักดิ์ของ
Tang Fung, Tang Fung ถูกเรียกขานเป็น Si-hong หรือ พี่ใหญ่ ในช่วงที่ Tang Fung เรียนกับ Lam Sai Wing
หลังจากที่ได้ร่ำเรียนวิชาทั้งหมดของหวงเฟยหงจาก Lam Sai Wing, Tong Fung ได้รับการเรียกขานอย่างเป็นทางการว่า Si Sook หรือ อาจารย์ลุง และถูกยกย่องเป็นศิษย์รุ่นเดียวกับ Lam Sai Wing
Tang Fung และ Lam Sai wing อยู่ด้วยกันหลายปี มีวีรกรรมการต่อสู้ที่โด่งดังมากคือ ครั้งการต่อสู้ที่โรงงิ้ว Luk Sin คู่อริของทั้งสอง ได้วางกับดักล่อให้ Tang Fung และ Lam Sai Wing และลูกศิษย์อีกจำนวนหนึ่งถูกขังอยู่ในโรงงิ้ว ฝ่ายตรงข้ามปิดประตูลงกลอน และเริ่มรุมทำร้ายพรรคพวกของ Lam Sai Wing และ Tang Fung ปรากฏว่าทั้งหมดหลบหนีออกมาได้อย่างปลอดภัย Lam Sai Wing ต้านศัตรูไว้โดยใช้วิชาที่ตนพัฒนาขึ้น “9 วิถีหุ่นไม้” ที่ใช้ฝึกฝนร่างกายและและฝึกปรือฝีมือต่ออริที่เข้ามาทีละหลายคน
ช่วงเวลาที่ Tang Fung อยู่ในฮ่องกงมีชื่อเสียงโด่งดัง การสอนของ Tang Fung ขึ้นชื่อว่าเข้มงวดมาก มีการเก็บรายละเอียดทุกท่วงท่าและยึดมั่น ในแบบการสอน ของ หวง เฟยหง ที่ตนได้ถ่ายทอดมา และเป็นคนยึดมั่นในประเพณีดั้งเดิมมาก
มีบุคคลหนึ่งที่แหกกฎประเพณีคือ ลูกสาวของ Tang Fung ชื่อ Tan Sou-kin เธอ ได้รับการขนานนามว่า “ราชินีเชิดสิงโต” (ในสมัยนั้นผู้หญิงไม่ได้รับอนุญาตให้เชิดสิงโต) ในช่วงปี 1920s ซึ่งขณะนี้มีอายุราว 90
Tang Fang ได้แสดงการเชิดสิงโตตามแบบดั้งเดิมให้ ควีน อลิซาเบซ ในปี 1950 ซึ่งขณะนั้น Tang Fung ยังมีสุขภาพดี
หลายศตวรรษ ผู้ใช้มวย Hung Gar โด่งดังจากอาวุธที่ใช้ Luk Ah Choi และ Wong Kay ying โด่งดังจากวิชาพลอง Wong Fei Hong เป็นผู้คิดค้นวิชามีดผีเสื้อ และ Lam Sai Wing ก็ใช้วิชานี้ได้ (คาดว่าน่าจะจากประสบการณ์ที่เคยทำงานเป็นพ่อค้าหมู ทำให้ Lam Sai Wing ถนัดอาวุธ ชนิดนี้) และยังเชี่ยวชาญการใช้กระบี่ด้วย
Tang Fung ใช้อาวุธที่ต่างออกไป ซึ่งไม่ได้อยู่ในอาวุธมาตรฐาน ของมวย Hung Gar
Ngau Quat Sin (หมัดกระดูกวัว) และพัดเหล็ก เป็นอาวุธที่สร้างชื่อ ให้ Tang Fung เป็นที่รู้จักในฮ่องกง และหาดูได้ยากมาก
Tang Fung มีลูกศิษย์มากมาย และคนที่มีชื่อคือ Ho Lap tin, Luk Kan wing, Cheung Tai hing (ไปเผยแพร่วิชายัง นิวยอร์ค) และผู้สืบทอดของ Tang Fung, Yuen Ling
ปัจจุบันวิชา Hung Gar สายของ Tang Fung ได้เผยแพร่ ในนิวยอร์ค โดย Frank Chee wai Yee ซึ่งได้เริ่มสอนใน แคนาดาในปี 1969 และเป็นแพทย์แผนจีนโดย เรียนกับ Chio Wei sit ซึ่งบิดา Cheuk Sing Sit เป็นหมอจีน ผู้มีชื่อเสียงใน Canton และ ฮ่องกง บิดาของ Frank Chee wei Yee เป็นครูมวย ซึ่งเรียนมาจาก Yuen Ling เมื่อ 10 ปี ก่อนพร้อมทั้งได้เรียนมวย Choy li fut (ไช่หลีฝอ) และมวยเส้าหลินเหนือ จากพี่ชายก่อนไปจาก ฮ่องกง Yee ได้เรียนทั้ง Hung gar ในสายของ Lam sai wing และ Tong Fung
มวย Hung Gar ของ Yee ประกอบด้วย 4 มวย ดังเดิมจาก หวง เฟย หง ประกอบด้วย มวย พยัคฆ์ ,มวยพยัคฆ์กระเรียน,หมัด 5 ท่า และ หมัดเหล็กเส้น และมวย 10 ท่า ที่เป็นการสรุปรวมทุกมวยที่ผ่านมา ซึ่งถูกพัฒนาในภายหลัง
ในประวัติศาสตร์มวย Hung Gar เต็มไปด้วย รหัสลับมากมาย ท่าปัดป้องนิ้วเดี่ยว หมายถึง การกบฏ แปลว่า “หากชาวฮั่นทุกคนยกนิ้วขึ้น หนึ่งนิ้ว เราจะล้มพวกชิงได้” ท่าเคารพโดยยกฝ่ามือซ้ายกับหมัดขวา หมัดแสดงถึงดวงอาทิตย์ ฝ่ามือซ้ายแสดงถึงอักษร “จันทรา” 2 อักษร รวมเป็น ราชวงศ์ หมิง แสดงถึง “ต้านชิงกู้หมิง”
Hung Gar โบราณประกอบด้วยอาวุธ 5 ชนิด ดังนี้ ไม้พลอง,กระบี่,kwan do,tiger fork,มีดผีเสื้อ วิชา Hung gar ยังประกอบด้วยทวน และ ดาบ สองคม
Yee กล่าวว่า ดาบและหอกจากสำนักทางเหนือนั้น อ่อนและยืดหยุ่นกว่า ส่วน Hung gar นั้นเน้นที่ไม้เท้าและกระบี่ Yee กล่าวว่า กระบี่และพลองเป็นอาวุธที่ยอดเยี่ยมที่สุด ซึ่งแสดงออกถึงพละกำลัง วิถีทาง และเอกลักษณ์ของมวยใต้
อาวุธของ Hung Gar มาจากหลายสายด้วยกัน อาทิ ทวนของ Hung Gar มาจาก ทวนสกุล
หยาง ของขุนศึกตระกูลหยาง ในราชวงศ์ซ่ง ในท่ามกลางสงครามต้านมองโกล บุตรคนที่ 5 ของตระกูลได้ออกบวชและเปลี่ยนแปลงจากทวนเป็นพลอง
Lam Sai Wing ได้ปรับปรุงเพิ่มเติม Hung gar โดยเพิ่มเติมแนวทางของมวยเหนือและอาวุธเข้าไปด้วย อาทิเช่น Tang Fung แสดงมวยพยัคฆ์กระเรียน โดย แข็งกว่า จมร่างกาย และยืนฐานแน่น ส่วนของ Lam Sai wing นั้นจะยืนสูงกว่า ผ่อนคลาย และมีลักษณะของมวยเส้าหลินเหนือ มวยที่ถูกเพิ่มในสายมวยของ Lam Sai Wing มีดังนี้
Mui Fa Kuen “หมัดดอกเหมยบาน” เป็นมวยเริ่มต้น สอนการถ่ายน้ำหนัก วิชาหมัดขั้นพื้นฐาน
Wu dip Jeung “ฝ่ามือผีเสื้อ” เป็นวิชาที่อ่อนพลิ้วที่สุดในมวย Hung gar แสดงเป็นเส้นตรง แสดงออกเสมือนสายน้ำ ท่าสำคัญคือ Cer Fung tui “ท่าแตะพายุ” และฝ่ามือผีเสื้อจู่โจม
Lau gar Kuen “หมัดสกุลหลิว” เป็นอีกพื้นฐานซึ่งสอนทั้งหลักการของช้าและเร็ว
Gung lik kuen “หมัด ฝึก พลัง” เป็นพื้นฐานของหมัดเส้าหลินเหนือ
Gow duk kuen “9 หมัดลับ” เป็นการรวม 9 ท่า ของ Hung gar อาทิ “ลูกเตะพยัคฆ์สะบัดหาง” , “ฝ่ามือผีเสื้อ”, “พยัคฆ์ข้ามเขา”, และวิชาสร้างชื่อของ หวง เฟย หง “บาทาไร้เงา”
ยังมีกระบอง 3 ท่อน, แส้ 9 ท่อน และตุ้มดาวตก และอาวุธอื่น อีกมากมาย ที่ถูกเพิ่มเติมเข้ามาในสายของ Lam Sai Wing
อาจารย์ Yee นั้นเคารพ Lam Sai Wing และยังคงยึดหลักเดิมของ Tang Fung ไว้ด้วยเพื่ออนุรักษ์ให้ชนรุ่นหลัง และยังผสานวิชามวยภายใน คัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นของตั๊กม้อ และการฝึกชี่ ไว้อีกด้วย
โดยการฝึกตามวิถีดั้งเดิมของ Tang Fung และการประยุกต์แบบ Lam Sai Wing โดยยังคงยึดรูปแบบของอาจารย์ หวง เฟย หง Frank Yee ได้เผยแพร่วิชาไปให้ทั้งคนจีน ชาวผิวดำ ผิวขาว คนแก่และเด็ก แต่ยังคงยึดหลักดังเดิมที่ปรมาจารย์ได้ถ่ายทอดมา